( 13 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อกรณีการถือครองหุ้น ไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในประเด็น ที่ กกต. ตั้งคณะสืบสวนสอบสวนนายพิธา ตามกฎหมายมาตรา 151 โดยเห็นว่าควรเอาเอกสารส่งเพิ่ม แม้เข้าใจว่าคำร้องที่ได้ยื่นถูกตีตกไป
โดยในประเด็น 151 ที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติแล้วยังลงสมัคร เมื่อ กกต. แถลงต่อประชาชนไปแล้ว มีข้อมูล 4ประเด็นที่จะมามอบให้คือ1คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. รายละเอียดกรณีที่นายพิธาโพสต์ในเฟสบุ๊คของตัวเอง
“ทนายรัชพล” แจ้งความ “คิมห์-เรืองไกร” เซ่นปมหุ้นสื่อ ITV
“บิ๊กตู่” ปัดตอบหุ้นสื่อ ITV ก่อนเดินเข้าไปประชุม ครม.ทันที
2.เรื่องการโอนหุ้นของนายพิธาที่มีการโอนในวันที่ 25 พ.ค.2566 3. รายงานการประชุมวาระท้ายที่เกี่ยวกับการซักถามของการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 66 ที่มีการถามคำถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ ไอทีวีรวมถึง ไม่ตรงกันกับคลิปภาพที่ออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับคำร้อง และไม่ทำให้ข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปและข้อเท็จจริงที่มาร้องเปลี่ยนไป เพราะกฎหมายบอกว่าผู้สมัครต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้น
และ 4.วัตถุประสงค์ของบริษัทไอทีวี หลังจากถูกบอกเลิกสัญญาจาก สปน. วัตถุประสงค์หลักยังอยู่ คือการดำเนินธุรกิจสื่อ แต่งบการเงินในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีการระบุไว้ ว่ามีการทำธุรกิจสื่อตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2566 และจะรับรู้รายได้จากการทำสื่อดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 พร้อมแนบหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีบางส่วน ปี 61 และ 62 โดยมีแผนธุรกิจอย่างละเอียด
นายเรืองไกร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลยอมรับว่านายพิธาถือหุ้นสื่อจริง แต่เหตุใดไม่แจ้งการถือหุ้น 42,000 หุ้นของไอทีวี ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.และมีการยื่นเพิ่มเติมภายหลังนั้น เพื่อต้องการที่จะปกปิดหรือไม่ และยังมีการเลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หลังจากพ้นตำแหน่ง ส.ส.อีก จึงขอเรียกร้องให้นายพิธา เปิดบัญชีทรัพย์สิน ทั้งหมดต่อสาธารณะทันทีหลังจากที่ยื่น ป.ป.ช.หมดแล้วโดยไม่ต้องรอให้ ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และไม่เชื่อว่าทรัพย์มรดกจะมีแค่หุ้นนี้เท่านั้น
นายเรืองไกร ยืนยันด้วยว่า การยื่นตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ไม่ใช่เป็นกระบวนการปลุกผี เพราะตนเองไม่ใช่พ่อมดหรือหมอผี ทำคนเดียวไม่คิดอะไรเกินเลยมีหน้าที่ร้องก็ร้อง แต่จะไม่ชี้นำสังคมก่อนกระบวนการ และเจ้าหน้าที่พิจารณาตัดสิน เพราะทุกวันนี้กระบวนการสังคมมีการชี้นำกัน จะมีเจ้าหน้าที่มีศาลไว้ทำไม
นายเรืองไกร ไม่กังวล กรณีที่ถูกยื่นร้องว่าใช้เอกสารเท็จในการยื่นตรวจสอบตาม มาตรา143 พร้อมยืนยันว่าทันทีที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว จะมายื่นร้องตรวจสอบสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. และรัฐมนตรี ของนายพิธา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 อีกครั้ง ย้ำว่ามาตามระบบก็ควรสู้ตามระบบมาจากการเลือกตั้งก็ควรสู้ตามระบบ มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดที่บัญญัติว่าผู้ชนะการเลือกตั้งห้ามตรวจสอบหรือไม่ เราเลือกตัวแทน ส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอให้เข้าใจข้อกฎหมายให้ชัดด้วย